ถ้าพูดถึงกองกลางดาวรุ่งอย่าง จู๊ด เบลลิ่งแฮม ที่เป็นเป้าหมายของสโมสรยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปทั้ง บาร์เซโลน่า , บาเยิร์น มิวนิค , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด , ลิเวอร์พูล ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือสุดยอดทีมแถวหน้าของโลกต่างก็เคยมีข่าวสนใจดึงตัวไอ้หนูคนนี้มาเสริมทัพตั้งแต่ที่เขายังอยู่กลับสโมสร เบอร์มิงแฮม ซิตี้ หากเราย้อนไปตอนนั้นทางเจ้าหนูคนนี้เพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้นโดยตามกฎของพรีเมียร์ลีกแล้วหาก นักเตะเยาวชน จะเซ็นสัญญาอาชีพได้จะต้องมีอายุครบ 17 ปี ในช่วงนั้นเขาถือว่าเป็นดาวรุ่งที่มีฝีเท้าเก่งมากเพราะหลายทีมยักษ์ใหญ่ต่างพร้อมยินดีที่จะทุ่มเงิน 20- 30 ล้านปอนด์
จู๊ด วิกเตอร์ วิลเลียม เบลลิ่งแฮม ( Jude Victor William Bellingham ) เกิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2003 ที่ สตรัวบริดจ์ เวสต์มิดแลนส์ ประเทศอังกฤษ เขาเป็นลูกชายของอดีตนักฟุตบอลสมัครเล่นนอกลีก มาร์ค เบลลิ่งแฮม แต่ผลงานของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกันว่ากันว่าพ่อของเจ้าหนู เบลลิ่งแฮม ลงเล่นไป 800 กว่านัด ทำประตูไปถึง 700 ประตูจากการลงเล่นมากกว่า 15 สโมสร ทางด้านลูกชายของเขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสร สตรัวบริดจ์ เป็นอดีตสโมสรที่พ่อของเขาเคยสังกัด พออายุ 7 ขวบ ทางเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในอคาเดมี่กับสโมสร เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ โดยเริ่มขัดเกลาฝีเท้าอย่างจริงจังในลีกรอง และ เป็นที่พัฒนาฝีเท้าให้เขาแข็งแกร่ง ในตอนนั้นจุดเด่นของเจ้าหนูคนนี้ คือเรื่องจิตใจที่นำมาเป็นอันดับ 1 เกินวัยของเด็กในรุ่นเดียวกันแค่วันแรกที่เขาลงเล่นให้กับสโมสร เข้าก็ฉายแววโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมทีมจนโค้ชต้องดันให้เขาเล่นฟุตบอลข้ามรุ่น เช่น ตอนที่เขาอายุ 14 ปี เขาได้ไปเล่นฟุตบอลรุ่น 18 ปี จนเมื่อเขาอายุ 15 ปี ด้วยฝีเท้าของเขาก็สามารถลงเล่นฟุตบอลในระดับอายุ 23 ปี ได้สบายในนัดแรกที่เขาได้ลงเล่นในรุ่นนี้ก็สามารถทำประตูชัยช่วยทีมได้ จนกระทั่งก่อนเปิดฤดูกาล 2019-2020 ทางต้นสังกัดอย่างทีม “ตราลูกโลก” เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ไม่มีการรอช้ารีบใส่ชื่อ จู๊ด เบลลิ่งแฮม ลงในทีมชุดใหญ่ทันที โดยที่เขามีอายุเพียงแค่ 16 ปี เท่านั้น
นัดแรกทีเขาได้ลงเล่นคือเกมใน ลีก คัพ และ ยังถูกบันทึกสถิติในประวัติศาสตร์ของสโมสรเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุด ด้วยวัยเพียง 16 ปี 38 วัน ถึงแม้ว่าแมตช์นั้นต้นสังกัดจะแพ้ไปอย่างหมดรูปก็ตามแต่ผลงานของเขากับถูกพูดถึงในสื่อหลายสำนักเพราะ กล้าเล่น ทักษะดี ไม่มีอาการตื่นสนามเลยแม้แต่น้อยโดดเด่นกว่าดาวรุ่งคนอื่นๆ ทำให้เขาดูเหมือนเป็น นักฟุตบอล มากประสบการณ์กันเลยทีเดียวถึงแม้ในฤดูกาลนั้นต้นสังกัดของเขาจะตกชั้นลงจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ แต่เขาก็ได้ลงเล่นไปถึง 44 นัด และ ทางสโมสรเองยังยกเลิกเบอร์เสื้อเพื่อเป็นเกียรติให้ดาวรุ่งคนนี้อีกด้วย ทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรปต่างให้ความสนใจแต่ก็เป็น “เสือเหลือง” ดอร์ทมุนด์ สโมสรยัก์ใหญ่แห่ง บุนเดสลีกา ควักเงินคว้าตัวเขาไป 25 ล้านปอนด์ และกลายเป็นประวัติศาสตร์เป็นนักฟุตบอลอายุ 17 ปี ค่าตัวแพงที่สุดในโลก
การย้ายมาดอร์ทมุนด์ของเขาเป็นเรื่องที่ลงตัวของเขา และ ทางสโมสรอีกด้วยเนื่องจากทางสโมสรขึ้นชื่อเรื่องฟูมฟักนักเตะดาวรุ่งอยู่แล้ว และ ทางต้นสังกัดใหม่เองก็ไว้ใจให้เด็กคนนี้ลงเล่นทีมชุดใหญ่อย่างเต็มที่จนตอนนี้เขาได้เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของดอร์ทมุนด์ไปแล้ว และ อีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่าเป็นข้อดีแบบสุดคือเรื่อง ทัศนคติที่ยอดเยี่ยมเป็นเด็กขยันซ้อม ถ่อมตัว และ พร้อมที่จะรับฟังคำแนะนำจากคนอื่นอยู่เสมอในปัจจุบันเขาได้ลงเล่นให้กับดอร์ทมุนด์ไปทั้งหมด 69 นัดรวมทุกรายการ ส่วนผลงานทีมชาติในยุคของ แกเร็ธ เซาท์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษก็ได้เรียกตัวเขาไปรับใช้ชาติในชุดรองแชมป์ยูโร 2020 จนถึงปัจจุบันในนามทีมชาติเขาลงเล่นไปทั้งหมด 17 นัด มีข่าวใหญ่กับทีมใหญ่มากมายอาทิ เช่น แมนยู , เรอัล มาดริด , เชลซี , อาร์เซน่อล , ลิเวอร์พูล , บาร์เซโลน่า , บาเยิร์น มิวนิค และ ก็อย่างที่เรารู้กันว่า จู๊ด เบลลิ่งแฮม เป็น ดอร์ทมุนด์ ที่ได้ไปเป็นดาวรุ่งอีกหนึ่งคนที่น่าจับตามองในยุคนี้