เมื่อไหร่ก็ตามที่กล่าวถึงโคตรดาวยิงแห่งยุค ที่ยังไม่เคยคว้าแชมป์โลกมาก่อน คงจะนึกถึงชื่อของ ลิโอเนล เมสซี่ เป็นลำดับแรกๆ เสมอ โดยอย่างที่ทราบกันดีว่าถึงแม้เขาจะเป็นหนึ่งในนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ซึ่งเคยลงสนามแข่งขันในรายการสำคัญๆ จนสามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่มาครอบครองได้มากมาย แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวยังไม่เคยลิ้มลองรสชาติของการคว้าแชมป์โลกเลยสักครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าด้วยอายุที่เยอะขึ้นทุกวัน โอกาสในการคว้าแชมป์โลกก็คงจะลดน้อยลงไปด้วย แต่แฟนๆ บางส่วนก็ยังเฝ้ารอลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะอยากเห็น “ลิโอเนล เมสซี่” ไปถึงจุดนั้นให้สำเร็จดั่งที่คาดหวังเอาไว้
ต่อให้ ลิโอเนล เมสซี่ จะยังไม่เคยคว้าแชมป์โลกมาก่อน แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาคือซูเปอร์สตาร์แห่งวงการลูกหนังอย่างแท้จริง โดยเป็นนักเตะอีกคนที่มีค่าตัวสูงติดอันดับท็อปๆ ของโลก โดยในอดีตเคยเป็นนักเตะของทีมบาร์เซโลนา ซึ่งแฟนบอลทุกคนคงจะสามารถจดจำกันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เนื่องจากในช่วงนั้นเจ้าตัวมีฟอร์มร้อนแรงจริงๆ สามารถช่วยทีมดังกล่าวทำประตูไปหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน จนส่งผลให้ทีมบาร์เซโลนาคว้าชัยชนะมาครอบครองได้สำเร็จ
นับตั้งแต่เมื่อปี 2021 เป็นต้นมา ลิโอเนล เมสซี่ มีการตัดสินใจครั้งสำคัญ ด้วยการย้ายมาสังกัดทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง หรือบางคนอาจจะเรียกด้วยฉายา “ยักษ์ใหญ่แดนน้ำหอม” ซึ่งเขาสามารถสร้างผลงานได้ค่อนข้างน่าประทับใจเหมือนเช่นเคย ล่าสุดในรายการทรอเฟเดช็องปียง 2022 ช่วงฤดูกาล 2022-23 เขาเริ่มต้นด้วยการทำประตูแรกในนัดที่ทีมดังกล่าว สามารถเอาชนะทีมน็องต์ ด้วยผล 4 – 0 ประตู จึงถือว่าเป็นแชมป์รายการที่ 2 นับแต่ “ลิโอเนล เมสซี่” ย้ายเข้ามาเป็นนักเตะภายในทีมนี้
ในช่วงระยะแรกๆ อาจจะมีแฟนบอลบางกลุ่ม แสดงความเสียดายกันออกมาเพียบ เพราะไม่อยากให้ ลิโอเนล เมสซี่ ต้องย้ายออกไปจากทีมบาร์เซโลนา แต่ปรากฏว่าหลังจากเจ้าตัวย้ายมาที่ทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ก็ยังคงมีฟอร์มอันดุเดือดเหมือนเดิม จนแฟนๆ บางคนที่ชื่นชอบทีมบาร์เซโลนา ย้ายตามมาเชียร์เขาเลยด้วยซ้ำไป โดยในระหว่างปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน ทางด้าน “ลิโอเนล เมสซี่” มีการลงสนามแข่งขันในฐานะนักเตะของทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทั้งหมด 53 นัดด้วยกัน ซึ่งสามารถช่วยทีมทำประตูไป 23 ประตูเลยทีเดียว ดังนั้นจึงนับเป็นนักเตะคนสำคัญที่ทีมปารีแซ็ง-แฌร์แม็งควรรักษาเอาไว้ให้นานที่สุด